วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๙.๐๐ น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษในการสัมมนาออนไลน์ ของ ILO เรื่อง การจ้างงานเยาวชนในประเทศไทย : ผลกระทบของวิกฤตโควิด – ๑๙ และการถอดบทเรียนเพื่อการฟื้นฟูที่เน้นคนเป็นศูนย์กลาง ณ ห้องประชุมแสงสิงแก้ว ชั้น ๕ อาคารกระทรวงแรงงาน โดย นายสุรชัย กล่าวว่า รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ เพื่อพัฒนาคนในทุกด้าน และในทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ และสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ ๒๑ โดยส่งเสริมการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (LifelongLearning) และให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน เพื่อสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ และส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า ผมขอขอบคุณธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ที่ให้การสนับสนุนเงินทุนและองค์การแรงงานระหว่างประเทศที่ให้การสนับสนุนทางวิชาการในการดำเนินโครงการในประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะและส่งเสริมการจ้างงานให้แก่แรงงานเยาวชน โดยเฉพาะเยาวชนหญิง และเยาวชนคนพิการ รวมถึงทักษะในการทำงานทั้ง Soft และ Hard Skill การแนะแนวอาชีพ และการจัดหางาน โดยวัตถุประสงค์ของโครงการมีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และกระทรวงแรงงานในการส่งเสริมการจ้างงานเยาชน รวมถึงการเป็นผู้ประกอบการ Start – ups SMEs และเกื้อหนุน Gig Economy ต่อไป
“กระทรวงแรงงานมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้ทำงานร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ องค์กรไตรภาคี นายจ้าง ลูกจ้าง รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายในการสนับสนุนแรงงานเยาวชนผู้หญิงและคนพิการ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงกาให้ได้รับการพัฒนาทักษะที่เหมาะสม และมีงานทำ ตามหลักการของงานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง เป็นไปตามแนวทางของแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่า และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ” นายสุรชัย กล่าวในตอนท้าย
